Mission 05 : Muck Dive - ตามหาสัตว์ขี้อาย
หากแนวปะการังเปรียบดังเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายและประชากรอันหนาแน่น แนวพื้นทรายนอกเขตปะการังก็คงเปรียบได้กับชนบท ที่ต้องมองไปไกลสุดลูกหูลูกตากว่าจะเห็นคนเดินผ่านมาสักคน
คนมากมายเลือกที่จะอยู่ในเมืองใหญ่ เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวก มีอาชีพหลากหลายให้เลือกทำ ในขณะที่คนอีกกลุ่มหนึ่งกลับชอบที่จะใช้ชีวิตในชนบทที่เงียบสงบกว่า
สัตว์ทะเลก็เช่นกัน
ในขณะที่เมืองแนวปะการังเต็มไปด้วยชีวิตพลุกพล่าน เพราะมีทั้งแหล่งอาศัยและอาหารมากมายให้เลือกสรร แต่มันก็จะมีสัตว์อินดี้อีกกลุ่มหนึ่งที่เบ้ปากให้ความวุ่นวาย แล้วหลีกลี้หนีเมืองใหญ่ไปอาศัยเงียบๆ อยู่ตามพื้นทรายนอกเขตแนวปะการัง หรือที่เรียกว่า Muck Habitat
ชีวิตที่นี่แม้จะกันดาร ไม่ค่อยมีตัวเลือกอาหารและแหล่งหลบภัยมากนัก แต่พื้นที่แบบนี้การแข่งขันก็น้อยกว่า ผู้ที่จะมาแย่งอาหารเราก็น้อยกว่า ผู้ล่าที่จะมากินเราก็น้อยกว่า สิ่งมีชีวิตจำนวนไม่น้อยจึงชอบอาศัยอยู่ที่นี่ และหลายชนิดในนั้นอาจหาไม่ได้ในแนวปะการัง
[1] การปรับตัวของสัตว์ใน Muck
หากสัตว์สักชนิดเลือกแล้วว่าจะอยู่ในเขตพื้นทรายแทนที่จะอาศัยในแนวปะการัง ความท้าทายที่มันต้องเผชิญก็คือ จะหลบผู้ล่าได้อย่างไร เพราะมองไปทางไหนก็มีแต่ทราย อาจมีดอกไม้ทะเลกอเล็กๆ บ้าง แต่ก็ไม่มีโครงสร้างให้แอบมากเท่าแนวปะการัง
สัตว์แต่ละชนิดจึงมีการปรับตัวที่น่าสนใจ
การใช้ชีวิตแบบพึ่งพากัน (Symbiosis) เป็นหนึ่งในทางเลือกที่สัตว์หลายชนิดใช้ เช่น คู่หูเพื่อนซี้อย่าง ‘ปลาบู่ทะเล(Goby Fish)’ และ ‘กุ้งดีดขัน (Pistol Shrimp)’ ที่เจอได้ทุกครั้งของ Muck Dive โดยเจ้ากุ้งซึ่งมีก้ามใหญ่ทรงพลังจะทำหน้าที่ขุดรูในทราย เป็นบ้านให้ทั้งสองไว้หลบภัยซ่อนตัว และยังทำหน้าที่เป็นแม่บ้านสุดขยัน กุลีกุจอโกยทรายออกมานอกรู แต่เจ้ากุ้งน้อยเกิดมาอาภัพ ดวงตาของมันเกือบจะบอด ทำให้มันไม่สามารถมองเห็นผู้ล่าได้ ดังนั้น ทุกครั้งที่มันออกมานอกรู มันจะใช้หนวดข้างหนึ่งแตะที่ปลาบู่เพื่อนซี้ ซึ่งปลาบู่ก็จะทำหน้าที่เสมือนเป็นดวงตาของกุ้งดีดขัน พอศัตรูมาปุ๊บ ปลาบู่ขยับพุ่งลงรู เจ้ากุ้งก็จะรู้ตัวและหลบทัน
ส่วนอีกคู่หนึ่งที่น่ารัก แต่อาจหายากสักหน่อย ก็คือปู Porcelain Crab ที่อาศัยปากกาทะเล (Sea Pen) เป็นบ้าน โดยความเจ๋งของปากกาทะเลคือ เมื่อมีภัยมา มันสามารถหุบเข้าไปใต้ทรายได้ ซึ่งเจ้าปูน้อยก็ได้ประโยชน์ในการหลบศัตรูด้วย บางครั้งเวลามีศัตรูมา เจ้าปูก็อาจใช้ก้ามหนีบปากกาทะเลเป็นสัญญาณให้ปากกาทะเลหุบตัว ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย
นอกจากการพึ่งพาอาศัยแล้ว อีกเทคนิคหนึ่งที่สัตว์หลายชนิดใช้ก็คือการพรางตัว เช่น ปลาหิน ปลาแมงป่อง ปลาลิ้นหมา ต่างก็พรางตัวเนียนกริบกับพื้นทราย ชนิดที่ถ้าไม่บอกก็ไม่รู้ว่ามีเธอนอนอยู่ตรงนั้น
ทากทะเลบางชนิดก็พรางตัวอย่างแนบเนียนบนไฮดรอยด์ บางชนิดก็พรางตัวกับปะการังอ่อน บางชนิดก็มุดตัวซ่อนอยู่ในทราย ส่วนบางชนิดก็มั่นมาก ไม่ต้องซ่งต้องซ่อนอะไรแล้ว โชว์สีสันเว่อร์วังให้เห็นจะๆ เพื่อประกาศว่า “ฉันมีพิษนะยะ อย่าเสือกมากิน”
[2] ดำน้ำ Muck Dive ทุกครั้ง คือความตื่นเต้น
สัตว์น้ำหลายชนิดอาจพบได้ยากในแนวปะการัง แต่ใน Muck Dive คือความเป็นไปได้ เช่น ปลาหมึกวงฟ้า, ม้าน้ำ, ปากกาทะเล (Sea Pen), Tube Anemone, หอยเม่นหน้าตาแปลกๆ, ปะการังอ่อนบางชนิด รวมถึงทากทะเลอีกมากมาย
“ถึงผมจะดำน้ำที่นี่มาเกือบ 5 ปีแล้ว แต่ไม่เคยเบื่อเลย เพราะทุกครั้งจะมีสิ่งใหม่ๆ รอคอยการค้นพบเสมอ” หนึ่งในทีมงานได้กล่าวไว้ เพราะที่นี่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตมากมายที่ยังไม่เคยถูกค้นพบ ทากทะเลหลายชนิดที่ค้นพบที่นี่ก็เป็นสายพันธุ์ใหม่ๆ ที่โลกไม่เคยรู้จัก
สิ่งมีชีวิตที่เรารู้จักทุกวันนี้เป็นแค่ยอดของภูเขาน้ำแข็ง ใต้ทะเลยังเต็มไปด้วยปริศนามากมายที่รอให้เราเข้าไปค้นพบ… ขอเพียงแค่ว่า เราไม่ทำลายจนมันหายไปเสียก่อน
สิ่งที่ Muck Dive สอนเราคือ ความสวยงามของชีวิตใต้ทะเลมีให้เห็นอยู่แทบทุกที่ เพียงแต่เราต้องรู้จักสังเกตและมองให้เห็นมัน
ความน่าตื่นเต้นใต้น้ำ ไม่ได้มีเพียงแค่ฉลามวาฬ แมนต้า หรือเต่าทะเล หากแต่สิ่งมีชีวิตขี้อายตัวเล็กๆ ที่แอบหลบซ่อนพรางตัวตามที่ต่างๆ ก็มีเสน่ห์และมีเรื่องราวมากมายให้เรียนรู้
โลกใต้น้ำก็เหมือนกับหนังสือเล่มใหญ่ที่เราสามารถเรียนรู้ได้ไม่รู้จบ การดำน้ำสำรวจในแต่ละพื้นที่ก็เหมือนกับเปิดหนังสือไปแต่ละหน้า ทุกหน้ามีเรื่องราวต่างกัน ทุกวันล้วนมีเรื่องราวใหม่ๆ ให้น่าค้นหา หรือแม้แต่พื้นที่เดิมในช่วงเวลาที่แตกต่าง ก็มีเรื่องราวบอกเล่าแตกต่างกันไป
ดำน้ำไดฟ์หน้า… จะมีอะไรรอเราอยู่นะ